Curiosity ขุมพลังแห่งการเรียนรู้ยุคใหม่

Peesamac
1 min readOct 23, 2019

ความอยากรู้อยากเห็นเนี่ย ภาษาไทยมันดูมีความหมายลบๆ อย่างไรก็ไม่รู้นะครับ
ทั้งที่จริงๆ แล้ว เราก็ใช้มันอยู่ตลอด และผลลัพธ์ของมัน ก็ให้ประโยชน์กับเราเยอะซะด้วย

ผมคิดว่าการอยากรู้ เนี่ย มันเป็นจุดเริ่มต้นของ Ability to learn หรือความสามารถในการเรียนรู้ที่จำเป็นมากๆ ในยุคนี้ ที่เราควรจะมี Life-long learning หรือการเรียนรู้ตลอดชีวิต เพราะ ถ้าเราอยากรู้ -> เราก็จะเรียนรู้ เราจะหาวิธีให้เราเรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ แล้วคราวนี้วิธีการเรียนของเรามันก็จะไม่ถูกกรอบอยู่ใน format แบบมหาวิทยาลัยหรือหนังสือบนชั้นอีกต่อไปแล้ว เราสามารถหามันได้เองจากการไปพูดคุยกับคนที่เชี่ยวชาญ ไปเม้าส์กับป้าข้างบ้าน ไปห้องสมุด เปิดคอร์สออนไลน์นั่งเรียน ด้วยตัวเอง มันคือขุมพลังแห่งการเรียนรู้ชัดๆ

ปกติแล้ว หลายคนคงไม่ได้อยากรู้ตลอดเวลา แล้วจะสร้างมันอย่างไร
แนวคิดพื้นฐานของ Curiosity คือ เราต้องคิดว่ายังรู้เรื่องนี้ไม่หมดซะก่อน
เราควรคิดเสมอว่า ถ้าเจอเรื่องใดเรื่องนึง

“มีข้อมูลอะไร ที่เราต้องการรู้เพิ่มบ้าง”​

เช่น เราไปซื้อกาแฟ เราลองตั้งคำถามกับตัวเอง เมล็ดกาแฟแต่ละชนิดทำไมกลิ่นไม่เหมือนกัน ทำไมต้องมีกาแฟหลายๆ ขนาด ทำไมพนักงานสตาร์บั๊คต้องถามชื่อเราด้วย เขาเตรียมเมล็ดกาแฟจากหลายๆ ที่มาที่ร้านที่เดียวกันอย่างไร เขาทดสอบเมนูใหม่อย่างไร อะไรคือกาแฟดิฟ อะไรคือกาแฟไนโตร

จะเห็นว่าบางคำถาม เราก็มีโดยธรรมชาติอยู่แล้ว สงสัยปุ๊ป ถามพนักงาน ได้คำตอบปั๊บ เราก็จะได้ความรู้ใหม่กลับมา

ยิ่งถ้าเราอยากบังคับให้ตัวเองเกิดความอยากรู้เพิ่มเติม

เทคนิคที่ใช้บังคับให้ตัวเองเกิดความอยากรู้ได้ ก็คือ การถาม ???

เราลองถามด้วยคำถามว่า อะไร อย่างไร ทำไม บ่อยๆ เราก็สามารถเพิ่มความสามารถของการเรียนรู้ของเราได้ เพราะตอนที่เราอยากรู้ เราจะคาดหวังกับตัวเองว่าต้องรู้ให้ได้ เราจะเจาะลึกกับเรื่องบางเรื่อง กลายเป็นไอเดียใหม่ๆ ให้เรา แถมยังทำให้เรามี Active Mind หรือชีวิตที่กระตือรือร้นมากขึ้น โลกนี้ก็จะสนุกมากขึ้นกับการได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ตลอดเวลา

สุดท้ายแล้ว Curiosity หรือความอยากรู้เนี่ย จะช่วยเพิ่ม Creativity หรือความคิดสร้างสรรค์ของเรา เพราะ Curiosity จะเติมคลังความรู้ของเราให้เพิ่มขึ้นสำหรับคิดไอเดียใหม่ๆ และ Creativity เนี่ย จะไปทำงานร่วมกับ Critical Thinking หรือการคิดเชิงวิพากษ์ ที่ตั้งคำถาม และวิเคราะห์ประเด็นต่างๆ ที่พอรวม 2 วิธีคิดนี้เข้าด้วยกัน ก็สามารถนำมาใช้ในการแก้ไขปัญหา (Problem Solving) ต่างๆ ที่เราเจอได้

เรียกว่า Curiosity เป็นจุดเริ่มต้นให้ชีวิตเราง่ายขึ้นเลยก็ว่าได้

ถ้าใครอยากลองเริ่มเพิ่ม Curiosity หลังจบบทความนี้ ลองเอ๊ะในใจหน่อยสิครับ ว่ามีอะไรบ้างที่เราอยากรู้เพิ่ม หรือมีคำถามอะไร ที่ตามมาจากบทความนี้ และก็ลงมือหามันเลยครับ

--

--

Peesamac
Peesamac

Written by Peesamac

Co-founder, Learning Designer and Thinking at BASE Playhouse. Empowering Young Generation with Future Skill and Tecnology.

No responses yet